รับปรึกษา ฟรี!
รับปรึกษา ฟรี!

8 ปัจจัย SEO ที่มีผลต่ออันดับ Google : Google Ranking Factors (2)

จากบทความที่แล้ว ซึ่งได้ปูพื้นความรู้ของการทำ SEO เบื้องต้น และได้อธิบายหลักการพื้นฐานที่สามารถทำให้ติดอันดับ Google ได้ง่าย ๆ สำหรับ Keyword ที่มีการแข่งไม่มากไปแล้ว

บทความนี้ เราจะมาเจาะลึกมากขึ้นถึง ปัจจัยที่มีผลอย่างมากต่ออันดับ Google ในการทำ SEO ครับ

8 ปัจจัย SEO ที่มีผลต่ออันดับ Google มากที่สุด

ตามที่ผมได้เคยเขียนไปในบทความที่แล้ว ว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่ออันดับ Google มากที่สุด ก็คือ เนื้อหาที่ตอบโจทย์คนที่ค้นหา นั่นเอง โดยในบทความที่แล้วผมได้เสนอให้ทำ Keywords Research ก่อนเขียน Content แต่ถ้า Keywords ที่เราเลือกมีการแข่งขันสูง แค่เขียน Content ตอบโจทย์จะไม่พอครับ บทความนี้เลยจะมาเจาะลึกถึงปัจจัยที่ควรทำ เพื่อให้ Content ของเราแข่งกับคู่แข่งได้ครับ ซึ่งจะมี 8 ปัจจัยด้วยกัน

  • เขียน Content คุณภาพสูง ปัจจัยข้อนี้ คือ ปัจจัยที่ผมอธิบายไปในบทความที่แล้วนั่นเอง คือ เราควรเขียน Content ให้ตอบโจทย์คนค้นหา ไม่ใช่เขียน Content ตามใจเราอย่างเดียวครับ ข้อนี้จัดว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ถ้าขาดข้อนี้ไป โอกาสติดอันดับ Google จะลดลงไป 70-80% เลยทีเดียว
  • ทำเว็บไชต์ให้รองรับหน้าจอขนาดเล็ก - พฤติกรรมของคนท่องเว็บ ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ หรือ แลปท๊อป เป็นหลักนะครับ ทุกคนใช้โทรศัพท์มือถือเป็นหลัก!!! ดังนั้นการพัฒนาเว็บไซต์จะต้องคำนึงถึงข้อนี้ และทำเว็บไชต์ให้รองรับหน้าจอขนาดเล็กครับ ซึ่งเว็บไชต์ที่พัฒนาให้รองรับทุกขนาดหน้าจอ เราจะเรียกว่า Responsive Website ครับ เว็บไซต์ประเภทนี้ จัดว่าเป็นมาตรฐานไปแล้ว ถ้าใครพัฒนาเว็บไซต์ แต่ยังไม่ใช่ Resposive หรือโดนคิดเงินเพิ่ม เพื่อเรื่องนี้ แนะนำให้เปลี่ยนคนพัฒนาครับ แสดงว่าเขาไม่จริงใจต่อคุณแล้ว
  • สร้างประสบการณ์ในการใช้งานที่ดี (User experience) - ปัจจัยนี้ไม่เกี่ยวกับการติดอันดับ Google โดยตรง แต่เกี่ยวทางอ้อมครับ ทางอ้อมที่ว่าก็คือ ถ้าเว็บไซต์เราใช้งานง่าย คนก็จะกลับเข้ามาบ่อย เมื่อมีคนกลับเข้ามาบ่อย รวมกับมีคนใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ จะทำให้ "จำนวนคนเข้าเว็บ" สูงมากขึ้นเรื่อย ๆ และนี่คือ ปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ Google เชื่อว่า เว็บเรามีคุณภาพนั่นเองครับ ดังนั้นในการพัฒนาเว็บไชต์ การทำให้เว็บสวย แต่ใช้งานยาก สุดท้ายเว็บไซต์นั้นก็จะไม่ประสบความสำเร็จครับ การพัฒนาเว็บไชต์ ควรคำนึงถึงความสวยงาม และการใช้งานง่าย ควบคู่กันไปครับ
  • ความเร็วของเว็บไซต์ - ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยใหม่ที่เกิดขึ้นมาไม่นาน และเป็น trend ที่เหล่านักพัฒนาเว็บไซต์ พยายามทำให้เป็นพิเศษในปัจจุบัน เนื่องจากมีผลการวิจัยว่า ถ้าเว็บเปิดช้าจะส่งผลให้ยอดขายหายไปมากครับ เช่น Amazon มีงานวิจัยว่า ถ้าเว็บเปิดช้าลง 1 วินาที จะมีต้นทุนในการขายสูงขึ้น 1.6 พันล้านต่อปี... อีกรายงานคือ ถ้าเว็บเปิดช้าลง 4 วินาที ส่งผลให้มีคนเข้าเว็บลดลงถึง 11% เลยทีเดียว ดังนั้นการพัฒนาเว็บไชต์ในปัจจุบัน จะต้องคำนึงถึงความเร็วของเว็บไชต์มากกว่าลูกเล่นสวยงาม แต่ทำให้เว็บเปิดช้าครับ
  • ทำ OnPage SEO - การทำ OnPage SEO เป็นการปรับเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับ "Bot" ของ Google เวลามาดึงข้อมูลจากเว็บเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุณได้ เพราะเว็บไชต์ของเราเอง เราสามารถปรับโค้ดได้ตามใจเราครับ แต่สิ่งสำคัญคือ ถ้าเขียนโค้ดเว็บไซต์โดยไม่คำนึงถึงเรื่องนี้ตั้งแต่แรก การทำ OnPage SEO ก็จะกลายเป็น "นรก" เช่นกันครับ เรื่องนี้ ผมจะทำเป็นบทความแยกต่างหาก เพราะต้องรู้ทั้งเทคนิคในการเขียน Content และ เข้าใจเรื่องโค้ด บางส่วนด้วยครับ
  • โครงสร้าง Link ภายใน - ปัจจัยนี้จัดเป็น 1 ในการทำ OnPage SEO ครับ คือ การวางระบบ Link ภายในของหน้าเว็บต่าง ๆ ของเว็บไซต์  ให้มีการเชื่อมโยงไปมา ประมาณว่าเมื่อ "Bot ของ Google" เข้ามาแล้ว ก็ให้วนไปวนมา ไม่ต้องให้ออกไปไหนอีก.... การสร้าง Link ภายในนั้น ถ้าวางแผนดี ๆ จะช่วยผูก "ความสัมพันธ์" ของบทความ กับ Keyword ที่เป็นเป้าหมายได้มากขึ้นครับ ดังนั้นในระหว่างพัฒนาเว็บไชต์ ถ้าคำนึงเรื่องนี้ตั้งแต่แรก จะช่วยเบาแรงในการทำ SEO ได้มาก แต่ถ้าไม่มีจะเป็นงานยากมาก ๆ ครับ คิดง่าย ๆ ถ้าเราต้องการทำหน้าสินค้า 500 หน้ามาลิงค์กัน ถ้ามีระบบทุกอย่างจะทำโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าไม่มี ต้องมานั่งแก้ทั้ง 500 หน้าครับ.....
  • สร้าง Backlink จากภายนอก - การสร้าง Backlink ก็คือการทำ OffPage SEO ที่ผมกล่าวถึงไปในบทความที่แล้วครับ การสร้าง Backlink นั้นมีผลมาก แต่ถ้าทำโดยไม่คิด ก็จะเป็นดาบสองคม มาทำให้เว็บเราอันดับตกครับ และปัจจุบันปัจจัยนี้ Google ก็พยายามลดความสำคัญลง แต่ก็ยังเป็นปัจจัยหลักในการประเมินอันดับอยู่ครับ ประมาณว่า ลดความสำคัญ แต่อย่าทิ้งครับ เรื่อง Backlink นี้เอาไว้ผมจะทำเป็นบทความแยกต่างหากครับ เรื่องนี้ก็ยาวพอดูครับ
  • ที่ตั้งของธุรกิจ (Local) - ปัจจุบันการแสดงผลการค้นหา จะคำนึงถึงตำแหน่งที่ผู้ค้นหาอยู่ด้วย โดยผลการค้นหา จะแสดงตามระยะห่างของผู้ค้นหา กับ ผลลัพธ์ เช่น ถ้าผู้ค้นหา ใช้คำว่า "ร้านอาหาร" Google ก็จะแสดงผล ร้านอาหารที่อยู่ใกล้ มากกว่า ร้านอาหารที่อยู่ไกล ครับ ดังนั้นในการพัฒนาเว็บไซต์ จึงควรจะแจ้งที่อยู่ให้ชัดเจน และนำข้อมูลธุรกิจไปใส่ใน บริการทุกตัวของ Google เช่น Google Maps และ Google By Business เป็นต้น ครับ

ทั้งหมดนี้คือ Key หลัก ที่จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับสูง ๆ ใน Google ได้ครับ เขียนไป ๆ มา ๆ ยาวกว่าที่ตั้งใจตอนแรกไว้ พอดู.... ถ้าสามารถทำตามได้ทั้ง 8 ข้อ ปัจจัยที่จะตัดสินก็จะเหลือแค่ Backlink ครับว่า ใครมี Backlink ที่มีคุณภาพสูงกว่า ก็จะได้ตำแหน่งที่สูงกว่าไป แต่ทั้งนี้ ที่ผมอธิบายไปทั้ง 8 ปัจจัย คือ การอธิบายแบบคร่าว ๆ ไม่ส่งรายละเอียดอันหยุมหยิบครับ รายละเอียดเชิงลึก ผมจะค่อย ๆ อธิบายในบทความต่อไปครับ

ปล.

บทความนี้เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานความรู้ด้าน SEO มาบ้างแล้ว ผู้อ่านที่มีความรู้พื้นฐาน น่าจะพอเข้าใจและลองไปปรับใช้ได้ครับ เนื่องจากปัจจัยส่วนใหญ่คือ การออกแบบและการเขียนโค้ดของเว็บไซต์ ครับ ถ้าเว็บไซต์ปัจจุบัน ยังไม่เข้าหลักการนี้ แต่ยังติดอันดับ แสดงว่า บทความนั้นของคุณมีปัจจัยรองอย่างอื่น มารองรับอยู่ครับ ซึ่งผมจะอธิบายต่อในบทความต่อไป

ถ้าท่านใดต้องการคำปรึกษาเบื้องต้นในการทำ SEO ผมยินดีให้คำปรึกษาฟรี ครับ โดยผมจะแนะแนวทางในการทำงานให้ได้จริงครับ ด้วยเครื่องมือฟรีต่าง ๆ

และถ้าถามว่า แล้วจะต่างกับบริการให้คำปรึกษาแบบเสียเงินยังไง? ความต่างคือ ถ้าใช้บริการที่ปรึกษากับผม ทางผมจะมีข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึก ทำให้สามารถกำหนดรูปแบบ Content แบบเจาะกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า ทำให้เห็นผลมากกว่า เร็วกว่า และประหยัดกว่า ครับ

บทความน่าสนใจ